ก้าวแรกของครูพี่แนน enconcept จาก ด.ญ.อริสรา ธนาปกิจ
ครูพี่แนนจบ ม. 3 จากโรงเรียนเซนต์ฟรังก์ซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ และได้สอบเข้า ม. 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา อยู่เตรียมฯได้ปึนึง ตอน ม. 4 ครูพี่แนนก็ลองสอบเอ็นทรานซ์ดู เพราะสมัยนั้นเค้าฮิตสอบเทียบก็คิดว่าจะเอ็นท์ฯ เล่นๆ แต่ในช่วงนี้เองเป็นช่วงวิกฤติของบ้านพี่แนน นั่นคือคุณพ่อคุณแม่เริ่มมีปัญหากัน เลยคิดว่าจากที่จะเอ็นท์ฯ เล่นๆ หรือลองสอบ เราต้องเอาจริงเอาจังแล้ว... เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็มีเรื่องไม่สบายใจอยู่แล้ว เราเป็นลูกมีอะไรที่พอจะทำให้ท่านได้ก็อยากจะทำ พี่แนนอยากให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคุณพ่อคุณแม่ พี่แนนจึงตั้งใจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ด้วยการเอ็นท์ฯติดเพื่อทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจ
และพี่แนนก็เอ็นท์ติดตั้งแต่ ม. 4 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ
นอกจากจะเอ็นท์ฯ ติดแล้ว วิกฤติในบ้านที่เกิดขึ้นทำให้พี่แนนมองโลกด้วยความเป็นผู้ใหญมากขึ้น ทำให้พี่แนนเติบโตและเข้มแข็ง และกล้าท้าให้อุปสรรคในชีวิตเดินเข้ามาหา เพราะเชื่อมั่นว่าพี่แนนมีสติปัญญามีความมุ่งมั่นที่จะผ่านพ้นไป
และพี่แนนยังเห็นผลของความพยามยามและตั้งใจที่ครูพี่แนนบอกน้องๆ นักเรียนของพี่แนนที่กำลังเตรียมตัวเอ็นท์ฯมาตลอดการสอน 10 ปี ของครูพี่แนนว่า
"การที่เราได้ลองพยายามทำอะไรสักอย่างในชีวิต หรือทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรจะทำให้ได้ และไม่มีอะไรที่ทำให้เราอ่านหนังสือไม่ได้เพราะจะเป็นข้อแก้ตัวที่เราบอกตัวเองเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วเราเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้"
แนวทางสำคัญในการก่อตั้ง Enconcept
พี่แนน : เริ่มจากตรงนี้คือ เรามีความรู้สึกว่า จริงๆ การเอนทรานซ์ หรือ การแอดมิชชั่น ไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมเด็กถึงได้เครียดมาก อย่างหนึ่งคิดว่าตั้งจิตเอาไว้ผิด คือตั้งว่าต้องเอนท์ติดไง แต่อย่างที่พี่แนนสอนจะพยายามให้น้องเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการศึกษาว่า ไม่ต้องรอให้การสอบมาวัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเรา จริงๆ สิ่งที่น้องเรียนไปมันได้กับตัวเอง ไม่จำเป็นว่าต้องไปตามค่านิยม ที่จะต้องเข้ามหาวิทยาลัยปิดให้ได้เท่านั้น แต่มันสำคัญที่ว่า เราเรียนวิชานี้เพราะเราอยากที่จะรู้จริงๆ เราอยากจะพัฒนาศักยภาพทางด้านภาษาอังกฤษของเราจริงๆ คือไม่ว่าจะเรียนที่มหาวิทยาลัยใด เรียนที่ไหนๆ ในโลก มันสำคัญว่าเราก้าวหน้าขึ้นไหมทางภาษาอังกฤษ เราใช้เป็นไหม
ครูพี่แนนจบ ม. 3 จากโรงเรียนเซนต์ฟรังก์ซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ และได้สอบเข้า ม. 4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา อยู่เตรียมฯได้ปึนึง ตอน ม. 4 ครูพี่แนนก็ลองสอบเอ็นทรานซ์ดู เพราะสมัยนั้นเค้าฮิตสอบเทียบก็คิดว่าจะเอ็นท์ฯ เล่นๆ แต่ในช่วงนี้เองเป็นช่วงวิกฤติของบ้านพี่แนน นั่นคือคุณพ่อคุณแม่เริ่มมีปัญหากัน เลยคิดว่าจากที่จะเอ็นท์ฯ เล่นๆ หรือลองสอบ เราต้องเอาจริงเอาจังแล้ว... เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็มีเรื่องไม่สบายใจอยู่แล้ว เราเป็นลูกมีอะไรที่พอจะทำให้ท่านได้ก็อยากจะทำ พี่แนนอยากให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคุณพ่อคุณแม่ พี่แนนจึงตั้งใจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ด้วยการเอ็นท์ฯติดเพื่อทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจ
และพี่แนนก็เอ็นท์ติดตั้งแต่ ม. 4 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ
นอกจากจะเอ็นท์ฯ ติดแล้ว วิกฤติในบ้านที่เกิดขึ้นทำให้พี่แนนมองโลกด้วยความเป็นผู้ใหญมากขึ้น ทำให้พี่แนนเติบโตและเข้มแข็ง และกล้าท้าให้อุปสรรคในชีวิตเดินเข้ามาหา เพราะเชื่อมั่นว่าพี่แนนมีสติปัญญามีความมุ่งมั่นที่จะผ่านพ้นไป
และพี่แนนยังเห็นผลของความพยามยามและตั้งใจที่ครูพี่แนนบอกน้องๆ นักเรียนของพี่แนนที่กำลังเตรียมตัวเอ็นท์ฯมาตลอดการสอน 10 ปี ของครูพี่แนนว่า
"การที่เราได้ลองพยายามทำอะไรสักอย่างในชีวิต หรือทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรจะทำให้ได้ และไม่มีอะไรที่ทำให้เราอ่านหนังสือไม่ได้เพราะจะเป็นข้อแก้ตัวที่เราบอกตัวเองเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วเราเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้"
แนวทางสำคัญในการก่อตั้ง Enconcept
พี่แนน : เริ่มจากตรงนี้คือ เรามีความรู้สึกว่า จริงๆ การเอนทรานซ์ หรือ การแอดมิชชั่น ไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมเด็กถึงได้เครียดมาก อย่างหนึ่งคิดว่าตั้งจิตเอาไว้ผิด คือตั้งว่าต้องเอนท์ติดไง แต่อย่างที่พี่แนนสอนจะพยายามให้น้องเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการศึกษาว่า ไม่ต้องรอให้การสอบมาวัดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเรา จริงๆ สิ่งที่น้องเรียนไปมันได้กับตัวเอง ไม่จำเป็นว่าต้องไปตามค่านิยม ที่จะต้องเข้ามหาวิทยาลัยปิดให้ได้เท่านั้น แต่มันสำคัญที่ว่า เราเรียนวิชานี้เพราะเราอยากที่จะรู้จริงๆ เราอยากจะพัฒนาศักยภาพทางด้านภาษาอังกฤษของเราจริงๆ คือไม่ว่าจะเรียนที่มหาวิทยาลัยใด เรียนที่ไหนๆ ในโลก มันสำคัญว่าเราก้าวหน้าขึ้นไหมทางภาษาอังกฤษ เราใช้เป็นไหม